Friday, January 27, 2017

ศิลาหลอมรัก



เขียน : หมิงเยวี่ยทิงเฟิง



เส้นเรื่องหลัก [มีสปอยล์]


- เนี่ยเฉิงเหยียนติดพิษเกือบตาย 
- หานเซี่ยวได้ชื่อว่าเป็นดาวนำโชคถูกนำตัวมาดูแลเนี่ยเฉิงเหยียน
- เนี่ยเฉิงเหยียนชอบในนิสัยและการแสดงออกของหานเซี่ยว หานเซี่ยวก็ชอบพระเอกเช่นเดียวกัน แต่ในความรู้สึกเหมือนความรักของหานเซี่ยวจะออกแนวป๊อปปี้เลิฟมากกว่า ชอบเพราะชื่นชม ชื่นชมก็เลยชอบ
- เนี่ยเฉิงเหยียนคิดว่าปู่ของตัวเองทำเรื่องเลวร้ายในอดีตก็เลยไม่ถูกกัน
- ปู่ของพระเอกจะปลีกตัวออกจากเขาที่เนี่ยเฉิงเหยียนไปรักษาตัว ให้หานเซี่ยวสาบานว่าจะไม่แต่งกับเนี่ยเฉิงเหยียนแล้วจะสอนวิชาแพทย์ให้ สุดท้ายแม้จะฝืนใจแต่ก็ทำตาม
- หานเซี่ยวมีวิชาแพทย์แต่ก็ยังอยู่รับใช้เนี่ยเฉิงเหยียน หานเล่อน้องชายนางเอกทำงานให้เนี่ยเฉิงเหยียน
- เนี่ยเฉิงเหยียนต้องการเสาะหาความจริงเพื่อแก้แค้นแทนคนรักเก่า สุดท้ายได้รู้ว่าผู้ที่ทำคือคู่แค้นของปู่ตัวเอง
- เนี่ยเฉิงเหยียนและหานเซี่ยวเดินทางไปยังเมืองชายแดนเพื่อให้เนี่ยเฉิงเหยียนได้ตามตัวปู่ของตัวเองกลับมา
- เนี่ยเฉิงเหยียนให้หานเซี่ยวรอตัวเองที่เมืองชายแดนแล้วตัวเองเดินทางไปพร้อมกับหลงซาน (พระเอกจากเรื่องหงส์ฟ้อนมังกรเหิน)
- หานเซี่ยวเสี่ยงอันตรายไปกับเฟิ่งอู๋ (นางเอกจากเรื่องหงส์ฟ้อนมังกรเหิน) เพื่อไปช่วยกองทัพ
- เนี่ยเฉิงเหยียนเจอคนรักเก่าของตัวเองอีกครั้ง คิดจะใช้การแต่งงานล่อตัวคู่แค้นของปู่ตัวเองออกมา คนรักเก่าคนนี้ที่แท้คือพี่น้องฝาแฝดที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนคนรักเก่าของเนี่ยเฉิงเหยียนแท้จริงแล้วตายไปแล้ว
- หลงซานไปตามเฟิ่งอู๋และหานเซี่ยวให้กลับไปห้ามพระเอก
- สุดท้ายเนี่ยเฉิงเหยียนรู้ความจริงว่าคนที่วางยาตัวเองก็คือคนรักเก่า นางคิดจะให้เขาตายไปอยู่ด้วยกัน
- เนี่ยเฉิงเหยียนเมาจนไล่หานเซี่ยวไป เมื่อได้สติก็ออกเดินทางตามกลับไปแต่ไม่พบหานเซี่ยวแล้ว
- หานเซี่ยวกับหานเล่อเดินทางออกไปช่วยเหลือคนไข้และหนีจากเนี่ยเฉิงเหยียนไป
- แม้จะรู้ว่าหานเซี่ยวอยู่ที่ไหน เนี่ยเฉิงเหยียนก็ทำเพียงแค่ช่วยอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
- สุดท้ายคนทั้งคู่รู้ใจตัวเองและกลับไปอยู่ร่วมกันเช่นเดิม
...


ความคิดเห็นหลังอ่าน


จากที่เคยเขียนเอาไว้ว่าในเล่มสองของเรื่องหงส์ฟ้อนมังกรเหินนั้นดูรีบ ๆ และมีอะไรบางอย่างไม่ละเอียดนัก แต่พอได้อ่านเรื่องนี้แล้วถึงจะได้รู้สึกว่าทั้งสองเรื่องจบได้อย่างสมบูรณ์ ในความรู้สึกเหมือนต้องอ่านช่วงแรกของหงส์ฟ้อนมังกรเหินกับช่วงแรกของศิลาหลอมรักก่อน แล้วจึงค่อยมาอ่านรวมในช่วงหลังของศิลาหลอมรักต่อ

ในช่วงแรกของเรื่องที่เป็นการปูพื้นของตัวละครความสนุกสู้เรื่องเรื่องหงส์ฟ้อนมังกรเหินช่วงแรกไม่ได้ แต่ในช่วงหลังสนุกมาก สนุกในที่นี้คือสนุกช่วงที่เป็นช่วงสู้รบระหว่างแคว้น ส่วนเรื่องการทะเลาะกันและแก้ไขความเข้าใจของพระเอกนางเอกไม่ค่อยเท่าไรนัก ปมขัดแย้งที่เป็นเรื่องรองอย่างการสู้รบระหว่างแค้น สนุกกว่าปมขัดแย้งที่เป็นเรื่องหลักอย่างปมความรักของพระนาง

ในใจคิดว่าดีที่เรื่องสามคราไม่ได้มีช่วงเวลาอยู่ในช่วงเดียวกัน ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกเหมือนอ่านเรื่องวนซ้ำ ๆ ไปมา เรื่องศิลาหลอมรักช่วยขยายจุดที่รีบร้อนในหงส์ฟ้อนมังกรเหิน

เรื่องพิเศษขององค์หญิงในตอนที่อ่านทวนเรื่องขององค์หญิงแรก ๆ ก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังเหมือนอ่านทวนเรื่องในช่วงที่แม่ทัพพูดคุยกับองค์หญิงซ้ำอีกรอบ แต่เมื่ออ่านผ่านมาจนถึงจุดที่แม่ทัพช่วยองค์หญิงออกมาแล้วจึงค่อยได้อ่านเนื้อเรื่องใหม่ ๆ หน่อย หลังอ่านตอนพิเศษจบก็รู้สึกสงสารองค์หญิง ที่จริงก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องคงเป็นแบบนั้น แต่ก็ยังอดที่จะตกใจขึ้นมาแว้บหนึ่งไม่ได้ ดีที่แม่ทับจริงใจทั้งสองคนจึงได้สมหวัง หมดทุกข์หมดโศก

สรุป


ศิลาหลอมรักเป็นเรื่องที่เส้นเรื่องยาวนานมาก นางเอกอายุแรกเริ่มน่าจะสักสิบสี่สิบห้า ดำเนินเรื่องมาจนนางเอกยี่สิบถึงจะได้ยอมตกลงปลงใจ
ในเรื่องพิเศษก็ดำเนินเรื่องราวยาวไม่แพ้กัน องค์หญิงเริ่มที่ยี่สิบกว่าจะได้แต่งน่าจะสักยี่สิบสามถึงยี่สิบห้า เพราะอ่านแล้วก็มีการบอกอยู่ตลอดว่าเวลาผ่านไปหลายปีมาก



สรุปรวมสามเรื่อง


จากทั้งสามเรื่องถ้าพูดถึงเรื่องของพระนางชอบเรื่องสามคราวิวาห์รักมากที่สุด รองลงมาเป็นหงส์ฟ้อนมังกรเหิน รองลงมาเป็นศิลาหลอมรัก
เหตุผลคือเรื่องสามคราวิวาห์รักแม้จะไม่ได้มีฉากที่ยิ่งใหญ่อะไรแต่การดำเนินเรื่องเสมอต้นเสมอปลายดี มีรีบบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนโดยเร่งหรือปิดบังอะไร
เรื่องหงส์ฟ้อนมังกรเหินเนื้อเรื่องหลักทำได้ดีแต่เนื้อเรื่องรองอาจจะเพราะต้องนำไปขยายในเรื่องศิลาหลอมรักจึงดูรีบและไม่กระจ่างไปเสียหน่อย
เรื่องศิลาหลอมรักเนื้อเรื่องรองที่ยกต่อมาจากเรื่องหงส์ฟ้อนมังกรเหินทำได้ดีอีกทั้งมีเรื่องพิเศษช่วยต่อให้จนจบแต่เนื้อเรื่องของพระนางกลับแผ่วกว่าและดูไม่ค่อยสำคัญเท่า

แต่ถ้าพูดถึงเส้นเรื่องรองที่ไม่ใช่เรื่องของพระนางแล้วเรื่องศิลาหลอมรักดีที่สุด ส่วนอีกสองเรื่องไม่ค่อยมีอะไรเท่าไรนัก

No comments:

Post a Comment